วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ธนาคารกรุงเทพ ร่วมต้อนรับ "เชลซี" แชมป์พรีเมียร์ลีคอังกฤษ 2014-2015 ในโอกาสเยือนไทยเพื่อร่วมแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ 30 พ.ค. นี้ 

28 พฤษภาคม 2558

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของสโมสรฟุตบอลเชลซี ภายใต้แนวคิด "One Team One Spirit เชลซีทำได้ คนไทยทำได้" ร่วมให้การต้อนรับผู้จัดการและนักฟุตบอลทีมเชลซี นำโดย โชเซ่ มูรินโญ่ จอห์น เทอร์รี่ เอเด็น อาซาร์ เชส ฟาเบรกาส ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา บรานิสลาฟ อิวาโนวิช และอีกมากมาย ในโอกาส เดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นประเทศแรก หลังจากที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2014-2015 พร้อม แข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ "The Singha Chelsea FC Celebration Match, Bangkok 30 May" กับทีมไทยแลนด์ ออลสตาร์ ภายใต้การนำทีมของโค้ชขวัญใจชาวไทย ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2558 เวลา 18.00 น. ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน นับเป็นโอกาสอันดีที่แฟนบอลชาวไทยจะได้ร่วมฉลองชัยชนะกับทีมเชลซีและร่วมให้กำลังใจกับทีมไทยแลนด์ ออลสตาร์ ในแมตช์ประวัติศาสตร์นี้
ธนาคารกรุงเทพ ร่วมเสวนาระดับผู้นำในการประชุมการลงทุนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

28 พฤษภาคม 2558


นายปิติ สิทธิอำนวย กรรมการธนาคาร (กลาง) นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 จากขวา) นายกนกศักดิ์ โมกขมรรคกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ซ้าย) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ มร. โมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 3 จากซ้าย) ในโอกาสให้เกียรติอภิปรายในเวิร์คช้อปที่ธนาคารกรุงเทพเป็นเจ้าภาพในหัวข้อ "Developing a Growth Strategy for the AEC – Mitsubishi Motors" Perspective" ในงานเสวนาระดับผู้นำภายใต้กรอบหัวข้อ "Greater Mekong Investment Forum 2015" ซึ่ง จัดขึ้นโดยนิตยสารยูโรมันนี่ ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพหนึ่งในผู้สนับสนุนการจัดงาน ในฐานะธนาคารพาณิชย์ที่มีเครือข่ายสาขาต่างประเทศ 30 แห่ง ใน 14 เขตเศรษฐกิจสำคัญทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้และประเทศจีน รวมทั้งความสัมพันธ์กับกลุ่มประเทศจีเอ็มเอสมายาวนานกว่า 50 ปี ธนาคารกรุงเทพจึงพร้อมให้การสนับสนุนการค้าการลงทุนระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ด้วยความเข้าใจใน การดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศอย่างลึกซึ้ง
ธนาคารกรุงเทพ รับใบอนุญาตเปิดสาขาย่างกุ้ง จากผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งเมียนมาร์ พร้อมเปิด 2 มิ.ย. นี้
27 พฤษภาคม 2558


นายปิติ สิทธิอำนวย กรรมการธนาคาร (กลาง) นายไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากซ้าย) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ที่ 2 จากขวา) และนายคเนศร์ บูรณสิน Senior Vice President และผู้จัดการสาขาย่างกุ้ง (ขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เข้ารับมอบใบอนุญาตจากนายจอ จอ หม่อง ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งเมียนมาร์ ณ กรุงเนปิดอร์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ในการประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในรูปแบบสาขา เพื่อให้บริการทางการเงิน ครอบคลุมบริการเงินฝาก สินเชื่อธุรกิจ บริการเพื่อธุรกิจส่งออกและนำเข้า บริการโอนเงินต่างประเทศ บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แก่บริษัทต่างชาติ (Foreign-invested Company) และธนาคารในประเทศเมียนมาร์ (Domestic Bank) ทั้งในรูปเงินตราต่างประเทศและเงินสกุลเมียนมาร์จ๊าต โดยธนาคารกรุงเทพพร้อมเปิดดำเนินการสาขาย่างกุ้งในวันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2558 นับเป็นความภาคภูมิใจของธนาคารกรุงเทพที่ได้รับการประกาศให้เป็น 1 ใน 9 ธนาคารต่างชาติ และเป็นธนาคารไทยเพียงแห่งเดียว ที่ได้รับการคัดเลือกจากคุณสมบัติและแผนธุรกิจที่นำเสนอ
ธนาคารกรุงเทพ ได้รับอนุญาตเปิดสาขาย่างกุ้ง เมียนมาร์ เชื่อมโยงเครือข่ายสาขา ต่างประเทศ ให้บริการครบวงจร 

26 พฤษภาคม 2558 


ธนาคารกรุงเทพได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางแห่งเมียนมาร์ ให้เปิดสาขาย่างกุ้งแล้ว โดยสามารถให้บริการทางการเงินแก่บริษัทต่างชาติ และธนาคารในประเทศเมียนมาร์ นับเป็นความภาคภูมิใจของธนาคารกรุงเทพในฐานะหนึ่งเดียวของธนาคารไทยที่ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากทางการของประเทศเมียนมาร์มอบใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในรูปแบบสาขา ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยส่งเสริมและพัฒนาระบบสถาบันการเงินรองรับการเติบโตของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเครือข่ายสาขาต่างประเทศของธนาคารกรุงเทพ เพื่อให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้าและนักลงทุนที่เข้าไปทำธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางแห่งเมียนมาร์ได้มอบใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในรูปแบบสาขาแก่ธนาคารกรุงเทพแล้ว โดยธนาคารพร้อมเปิดดำเนินการสาขาย่างกุ้ง ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ในวันอังคารที่ 2 มิถุนายน 2558 เพื่อให้บริการทางการเงิน ครอบคลุมบริการเงินฝาก สินเชื่อธุรกิจ บริการเพื่อธุรกิจส่งออกและนำเข้า บริการโอนเงินต่างประเทศ บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แก่บริษัทต่างชาติ (Foreign-invested Company) และธนาคารในประเทศเมียนมาร์ (Domestic Bank) ทั้งในรูปเงินตราต่างประเทศและเงินสกุลเมียนมาร์จ๊าต โดยมีนายคเนศร์ บูรณสิน SVP และผู้จัดการสาขาย่างกุ้ง และคุณทศทิศ รอดประเสริฐ AVP และผู้จัดการฝ่ายการตลาด สาขาย่างกุ้ง พร้อมให้บริการ ภายหลังจากที่ธนาคารกรุงเทพได้รับการประกาศให้เป็น 1 ใน 9 ธนาคารต่างชาติ และเป็นธนาคารไทยเพียงแห่งเดียว ที่ได้รับการคัดเลือกจากคุณสมบัติและแผนธุรกิจที่นำเสนอ ให้ได้รับอนุญาตในหลักการให้เปิดสาขาในประเทศเมียนมาร์ได้เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2557 โดยให้เตรียมการตามข้อกำหนดและเงื่อนไขต้องเปิดสาขาใน ประเทศเมียนมาร์ภายใน 1 ปีนั้น ธนาคารได้ดำเนินการต่างๆ เรียบร้อยแล้วทุกประการ ตั้งแต่การตกแต่งสถานที่ทำการ การติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบงานต่างๆ การสรรหาบุคลากรและจัดจ้างพนักงานท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพของพนักงานท้องถิ่นด้วยการฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบงานและผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ จนในปัจจุบัน ธนาคารกรุงเทพได้รับใบอนุญาตให้สามารถเปิดดำเนินการสาขาย่างกุ้งแล้วในที่สุด นายชาติศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกรุงเทพได้เปิดสำนักงานตัวแทนในประเทศเมียนมาร์ตั้งแต่ปี 2538 หรือกว่า 20 ปี โดยมีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลที่เป็นประโยน์และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าธนาคารที่มีความสนใจลงทุนและทำธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ หลักจากที่สาขาย่างกุ้งเปิดดำเนินการแล้ว สามารถให้บริการเงินฝาก สินเชื่อ สินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศ การแลกเปลี่ยนเงินตรา การโอนเงินภายในและระหว่างประเทศ และบริการธนาคารพาณิชย์พื้นฐานอื่นๆ แก่ลูกค้าเป้าหมายที่เป็นบริษัทต่างชาติ (Foreign-invested Company) และธนาคารในประเทศเมียนมาร์ (Domestic Bank) อีกทั้งยังมีบทบาทในการเชื่อมโยงเครือข่ายสาขาต่างประเทศทั้งหมดที่ธนาคารมีอยู่ เพื่อให้บริการแบบครบวงจรและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่เข้ามาทำธุรกิจในเมียนมาร์ได้ดียิ่งขึ้นด้วย สำหรับบทบาทอื่นๆ ของธนาคารกรุงเทพในประเทศเมียนมาร์ นายชาติศิริกล่าวเสริมว่า สาขาย่างกุ้งจะมีส่วนร่วมในการช่วยส่งเสริมและพัฒนาระบบสถาบันการเงินของประเทศเมียนมาร์ในด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาตลาดการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคาร (Interbank Market) และการพัฒนาตลาดเงินตราต่างประเทศให้เป็นสากล เพื่อรองรับการเติบโตของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในอนาคต นอกจากนี้ ด้วยเจตจำนงที่จะมีส่วนร่วมในการ สนับสนุนพัฒนาการที่ยั่งยืนของประเทศเมียนมาร์ ธนาคารกรุงเทพยังได้ริเริ่มจัดงานสัมมนาและกิจกรรมต่างๆ ในการให้ความรู้ทางเศรษฐกิจและธุรกิจแก่ลูกค้าทุกกลุ่มในประเทศเมียนมาร์ ทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ลูกค้าผู้ประกอบการ SME สนับสนุนด้านการศึกษาโดยเฉพาะการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจ สนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้กับธนาคารในประเทศเมียนมาร์ สนับสนุนการสร้างเครือข่าย และจับคู่ทางธุรกิจระหว่างลูกค้าที่มีศักยภาพที่จะร่วมมือกันต่อไป และล่าสุดธนาคารได้ริเริ่มจัดทำรายการโทรทัศน์ Idea Can Do เพื่อส่งเสริมการประกอบธุรกิจในระดับ SME ซึ่งมีรูปแบบและหลักการเดียวกับรายการโทรทัศน์ เพื่อนคู่คิด ของธนาคารกรุงเทพในประเทศไทย โดยเผยแพร่ในรายการ Good Morning Myanmar รายการเล่าข่าวยอดนิยมทาง Channel 7 ของประเทศเมียนมาร์ ธนาคารยังคงมุ่งมั่นในความเป็น "เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน" ที่พร้อมเสริมสร้างความสำเร็จเคียงข้างลูกค้า ด้วยเล็งเห็นโอกาสและให้ความสำคัญกับการให้บริการแบบครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย ทั้งธุรกิจไทยและธุรกิจข้ามชาติที่เข้าไปประกอบธุรกิจและลงทุนในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคบริการ อีกทั้งขยายการให้บริการไปยังคู่ค้าของลูกค้าปัจจุบัน ผ่านเครือข่ายสาขาในต่างประเทศ 30 แห่ง ครอบคลุม 14 เขตเศรษฐกิจทั่วโลกที่เปิดให้บริการมาด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน มีบุคลากรท้องถิ่นที่มีความสัมพันธ์ ประสบการณ์ ความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับตลาดท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ในการเชื่อมโยงเครือข่าย นักลงทุน นักการเงิน และผู้ประกอบการให้เป็นคู่ค้าทางธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเติบโตและพร้อมสำหรับโอกาสและสิ่งท้าทายในอนาคต
ธนาคารกรุงเทพ ได้รับยกย่องจาก Global Finance ติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ในฐานะธนาคารยอดเยี่ยมด้านการให้บริการ Sub-custodian 
21 พฤษภาคม 2558 

ธนาคารกรุงเทพประกาศศักยภาพมาตรฐานการให้บริการระดับสากล ล่าสุดได้รับการยกย่องจาก Global Finance นิตยสารการเงินการธนาคารชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะธนาคารยอดเยี่ยมแห่งปี ด้านการให้บริการรับฝากหลักทรัพย์ (Sub-custodian) ในประเทศไทย นับเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ตอกย้ำ ความเป็นเลิศด้านการให้บริการด้วยทีมงานมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ และได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้า นางพรนิจ ตุลย์วัฒนจิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน ที่ธนาคารกรุงเทพได้รับการยกย่องจาก Global Finance นิตยสารการเงินการธนาคารชั้นนำซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ในฐานะธนาคารยอดเยี่ยมประจำปี 2558 ด้านการให้บริการรับฝากหลักทรัพย์ (Sub-custodian) ในประเทศไทย ด้วยจุดเด่นด้านคุณภาพของการให้บริการ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ระบบเทคโนโลยีรองรับที่มีมาตรฐานและทันสมัยที่สุด รวมไปถึงการกำหนดแผนรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นธนาคารไทยที่สามารถให้บริการรับฝากทรัพย์สินเต็มรูปแบบกับสถาบันการเงินต่างประเทศ และสถาบันการเงินไทย โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ธนาคารกรุงเทพ สาขาเวียงจันทน์ ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ลาว สำหรับการเป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินเต็มรูปแบบรายแรกและรายเดียวในประเทศสปป.ลาว ซึ่งปัจจัยต่างๆดังกล่าวล้วนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและมาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ทรัพย์สินของลูกค้าที่อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารกรุงเทพเป็นลูกค้าในประเทศประมาณ 75% และลูกค้าต่างประเทศประมาณ 25% โดยธนาคารกรุงเทพเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการให้บริการรับฝากทรัพย์สินมากว่า 28 ปี ลูกค้าที่ใช้บริการ ประกอบด้วย กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นักลงทุนสถาบัน และสถาบันการเงินต่างประเทศ โดยธนาคารให้บริการรับฝากหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท Asset Class จากตลาดทุนในประเทศไทยและตลาดทุนต่างประเทศ ในรูปแบบใบหลักทรัพย์ (Scrip) และแบบไร้ใบ (Scripless) อีกทั้งมีช่องทางการรับคำสั่งที่หลากหลาย ปลอดภัยและทันสมัย นอกจากนี้ ยังมีช่องทางเพิ่มเติมให้ลูกค้าสามารถดูรายงานผ่านบริการบัวหลวง ไอคัสโตดี (Bualuang iCustody) ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นในรูปแบบของ Web-based เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา มร.โจเซฟ เกียลาพูโต บรรณาธิการ นิตยสาร Global Finance เปิดเผยว่า สถาบันผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สิน ทั้งหลายต้องเผชิญกับกระบวนการตรวจสอบที่เพิ่มมากขึ้นจากลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงินในต่างประเทศ ทั้งบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ผู้รับฝากทรัพย์สินในต่างประเทศ และผู้จัดการกองทุน ซึ่งเป็นผลพวงจากกระแสต่อต้านการฟอกเงินทั่วโลกและกฎระเบียบด้านการตรวจสอบคัดกรองลูกค้า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สถาบันการเงินในต่างประเทศมองหาธนาคารที่สามารถให้บริการรับฝากทรัพย์สินที่ปลอดภัยที่สุดและมีความรู้เชิงลึกมากที่สุดในตลาดทุนของประเทศนั้น ๆ รวมถึงกฎข้อบังคับต่างๆ โดยเราได้พิจารณามอบรางวัลให้กับธนาคารทั้งหลายที่ให้บริการด้านดูแลรับฝากทรัพย์สินได้ดีที่สุดในตลาดทั่วโลกที่มีความยุ่งยากซับซ้อนเพิ่มขึ้นในยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ พิธีมอบรางวัลจะจัดขึ้นในวันพุธที่ 14 ตุลาคม 2558 ระหว่างการประชุม SIBOS (Swift International Banking Operations Seminar) ณ โรงแรมมารีน่า แมนดาริน ประเทศสิงคโปร์

วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558



ธนาคารกรุงเทพ ตอกย้ำความสำเร็จบริการ "บัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง" เลือกใช้
"ก้อง สหรัถ" แนะนำบริการดีๆ ที่จัดการได้ด้วยแอพเดียว
12 พฤษภาคม 2558

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ซ้าย) พร้อมนางสุวรรณา อุษณาจิตต์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President การตลาดและโฆษณาผลิตภัณฑ์ธนาคาร ฝ่ายผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการ (ขวา) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ นายสหรัถ สังคปรีชา โค้ชก้อง ศิลปินนักร้องนักแสดงในฐานะพรีเซ็นเตอร์บริการบัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง (กลาง) ในโอกาสร่วมกิจกรรมแนะนำบริการดีๆ ทางการเงิน
"บัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง" (Bualuang mBanking) ที่ช่วยให้ชีวิตง่ายได้ในแอพเดียว ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงิน ผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ เช็คยอด โอนเงิน เติมเงิน จ่ายบิล และซื้อ-ขายหน่วยลงทุน ด้วยเมนูการใช้งานที่ง่ายไม่ซับซ้อน และมีความปลอดภัยสูง โดยธนาคารได้มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพและความหลากหลายของบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่าง
ต่อเนื่อง จนได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่มาใช้บริการเป็นอย่างดีส่งผลให้ที่ผ่านมาปริมาณธุรกรรมทาง iBanking และ mBanking ของธนาคารมีการเติบโตมากกว่า 100% สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสมัครใช้บริการ "บัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง" ได้ง่ายๆ ที่เครื่องบัวหลวงเอทีเอ็ม และสาขาธนาคารกรุงเทพ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน โทร.1333 โดยสามารถชมคลิปวีดีโอโฆษณา "โค้ชก้อง" ได้ทาง www.bangkokbank.com/mbankingหรือทาง YouTube/BangkokBankChannel



ธนาคารกรุงเทพ มอบส่วนลด 10% เมื่อใช้บัตรเครดิตและบีเฟิสต์ ซื้อบัตรชมฟุตบอล
นัดพิเศษ เชลซี vs ไทยแลนด์ออลสตาร์ 30 พ.ค. นี้
11 พฤษภาคม 2558

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของสโมสรฟุตบอลเชลซี ภายใต้แนวคิด "One Team One Spirit เชลซีทำได้ คนไทยทำได้" มอบส่วนลดพิเศษ 10% ทันที (จำกัดสิทธิสูงสุด 4 ที่นั่งต่อบัตร) เมื่อลูกค้าซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ "The Singha Chelsea FC Celebration Match, Bangkok 30 May" ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตบีเฟิสต์ทุกประเภทของธนาคารกรุงเทพ ตั้งแต่วันนี้-30 พฤษภาคม 2558 หรือจนกว่าบัตรจะหมด นับเป็นโอกาสสุดพิเศษที่จะได้ชมแมตซ์ประวัติศาสตร์ระหว่างทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซีที่เดินทางมาเยือนไทยเป็นประเทศแรกและเป็น 1 ใน 2 ประเทศเท่านั้น หลังทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2014-2015 พร้อมดวลแข้งกระชับมิตรกับทีมไทยแลนด์ออลสตาร์ ภายใต้การนำทีมของโค้ชขวัญใจชาวไทย ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2558 เวลา 18.00 น. ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยบัตรเข้าชมจำหน่ายแล้วที่เคาน์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา และ www.thaiticketmajor.com ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน โทร.1333


ธนาคารกรุงเทพ มอบรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซคันแรกแก่ลูกค้าผู้โชคดี จากแคมเปญ "จ่าย เติม จัดเต็ม ลุ้น JAZZ ทุกเดือน"
2 พฤษภาคม 2558

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ 2014 มูลค่า 576,000 บาท แก่นางจันทร์ทิพย์ เมฆเฉลย ลูกค้าผู้โชคดีท่านแรกที่ได้รับรางวัลที่ 1 จากแคมเปญ "จ่าย เติม จัดเต็ม ลุ้น JAZZ ทุกเดือน กับธนาคารกรุงเทพ" ด้วยการทำรายการชำระค่าสินค้าและบริการ หรือเติมเงิน ผ่านช่องทางของธนาคารกรุงเทพ ได้แก่ เคาน์เตอร์สาขา บัวหลวง เอทีเอ็ม บัวหลวง
ไอแบงก์กิ้ง และบัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง ทั้งนี้ ลูกค้าที่ทำรายการที่เคาน์เตอร์สาขาจะได้รับคูปอง 1 ใบต่อรายการ เพื่อหย่อนลงกล่องรับชิ้นส่วน ณ ที่ทำการสาขา และลูกค้าที่ทำรายการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เพียงลงทะเบียนผ่านระบบ SMS โดยพิมพ์ BP ตามด้วยเลขที่บัญชี 10 หลัก ส่งมาที่ 4712099 เพื่อเข้าร่วมรายการโดยรับ 3 สิทธิ์จากทุกการทำรายการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ร่วมลุ้นรางวัลมากมาย มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,144,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2558 โดยครั้งที่ 2 จะจับรางวัลวันที่ 24 เมษายน 2558 ครั้งที่ 3 จับรางวัล
วันที่ 22 พฤษภาคม 2558 และครั้งที่ 4 จับรางวัลวันที่ 22 มิถุนายน 2558 สอบถามเพิ่มเติม โทร.1333


ธนาคารกรุงเทพ ชวนลูกค้าบัตรเครดิตร่วมช่วยเหลือชาวเนปาล แลกคะแนนสะสมเป็น
เงินบริจาค โดยธนาคารร่วมสมทบเพิ่มเท่าจำนวน
30 เมษายน 2558

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เชิญชวนลูกค้าบัตรเครดิตเปลี่ยนคะแนนสะสมบัวหลวง ทุก 1,000 คะแนน แทนเงินบริจาค 100 บาท โดยธนาคารกรุงเทพ ร่วมสมทบทุนเพิ่มอีก 100 บาท หรือเท่ามูลค่าเงินบริจาค เพื่อนำส่งไปยังสภากาชาดไทย ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวประเทศเนปาล ผู้ถือบัตรสามารถตรวจสอบคะแนนสะสมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2638-4000 กด 1522 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2558 โดยธนาคารได้จัดเตรียมเงินจำนวน 2,000,000 บาท สำหรับร่วมสมทบเป็นเงินบริจาคในโครงการนี้ นับเป็น
อีกหนึ่งกิจกรรมที่ธนาคารได้ดำเนินการต่อจากการเปิดบัญชีกระแสรายวันชื่อบัญชี "ช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ประเทศเนปาล" เลขที่ 101-3-45555-3 สำนักงานใหญ่สีลม รองรับเงินบริจาคจากลูกค้าและประชาชนทั่วไปผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคาร ประกอบด้วย เคาน์เตอร์สาขาทั่วประเทศ ตู้เอทีเอ็ม เครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ (CDM) บัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง (ธนาคารทางอินเตอร์เน็ต) และบัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง (ธนาคารทาง
มือถือ) พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมในการทำรายการโอนเงินข้ามเขตในบัญชีดังกล่าว ทั้งนี้ผู้มีจิตศรัทธาสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการบัวหลวงโฟน โทร.1333


ธนาคารกรุงเทพ นำลูกค้าผู้โชคดีชมฟุตบอลบิ๊กแมตช์ เชลซีพบแมนยู ณ สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ประเทศอังกฤษ
28 เมษายน 2558

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (กลาง) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นำคณะลูกค้า
ผู้โชคดีจำนวน 20 ท่าน ที่ได้รับรางวัลที่ 1 จากแคมเปญ "เชียร์สุดสปิริตที่สแตมฟอร์ด บริดจ์" เข้าชมการ
แข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก บิ๊กแมตช์ ระหว่างทีมสโมสรเชลซี พบ ทีมสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา พร้อมเยี่ยมชมธนาคารกรุงเทพ สาขาลอนดอน เครือข่ายสาขาต่างประเทศลำดับที่ 4 ที่เปิดให้บริการมานานกว่า 58 ปี และปัจจุบันเป็นธนาคารไทยแห่งเดียวที่เปิดให้บริการที่ประเทศอังกฤษ รวมถึงชมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศอังกฤษเป็นเวลา 6 วัน 5 คืน ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของสโมสรฟุตบอลเชลซี ภายใต้แนวคิด "One Team One Spirit เชลซีทำได้ คนไทยทำได้" ที่สื่อถึงความมีสปิริต ที่ใช้ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในทีมเพื่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จตามที่หวังไว้ โดยผู้โชคดีอีก 20 ท่าน จากแคมเปญเดียวกันเตรียมพร้อมเดินทางเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก บิ๊กแมตช์ ระหว่างทีมสโมสรเชลซี พบ ทีมสโมสรลิเวอร์พูล ในวันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม 2558 เช่นเดียวกัน


ธนาคารกรุงเทพ เปิดบัญชีรองรับการโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวประเทศเนปาล
27 เมษายน 2558

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการเปิดบัญชีกระแสรายวันชื่อบัญชี "ช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ประเทศเนปาล" เลขที่ 101-3-45555-3 สำนักงานใหญ่สีลม รองรับเงินบริจาคจากลูกค้าและประชาชนทั่วไปผ่าน
ช่องทางต่างๆ ของธนาคาร ประกอบด้วย เคาน์เตอร์สาขาทั่วประเทศ ตู้เอทีเอ็ม เครื่องรับฝากเงินสดอัตโนมัติ (CDM) บัวหลวง ไอแบงก์กิ้ง (ธนาคารทางอินเทอร์เน็ต) และบัวหลวง เอ็มแบงก์กิ้ง (ธนาคารทางมือถือ) 
โดยธนาคารได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการทำรายการโอนเงินข้ามเขตในบัญชีดังกล่าว ทั้งนี้ผู้มีจิตศรัทธาสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการบัวหลวงโฟน โทร.1333


ธนาคารกรุงเทพ สนับสนุนสินเชื่อกลุ่มดีสโตน กว่า 2.5 พันล้านบาท ขยายฐานการผลิตยางรถยนต์ส่วนบุคคลสู่ 10 ล้านเส้นต่อปี
20 เมษายน 2558

ธนาคารกรุงเทพสนับสนุนสินเชื่อวงเงินกว่า 2.5 พันล้านบาท แก่กลุ่มบริษัท ดีสโตน ผู้ผลิตยางเพื่อยานพาหนะยักษ์ใหญ่แห่งประเทศไทย รองรับการปรับแผนกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ขยายฐานกำลังการผลิตยางรถยนต์ส่วนบุคคลให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จากจำนวน 7.5 ล้านเส้นสู่ 10 ล้านเส้นในปี 2558

นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงเทพมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินจำนวนกว่า 2.5 พันล้านบาทให้แก่กลุ่มบริษัท ดีสโตน ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทและแผนการดำเนินธุรกิจที่มีทิศทางชัดเจน ทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้กระจายไปสู่ทุกวงการทั้งภาคการเกษตร ภาคแรงงาน ภาคอุตสาหกรรม นำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับประเทศ ด้วยศักยภาพทางการตลาดของกลุ่มบริษัท ดีสโตน และแนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิตยางรถยนต์ที่เติบโตอย่าง
ต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารเชื่อมั่นว่ากลุ่มบริษัท ดีสโตน จะสามารถนำเงินที่ได้รับไปใช้ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายการขยายธุรกิจที่แข็งแกร่ง การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน

นายสุวิทย์ วงศาริยวานิช ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดีสโตน กล่าวว่า ภายในปี 2558 บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก ในการขยายฐานกำลังการผลิตยางประเภทเรเดียล (Radial) เพื่อรถยนต์ส่วนบุคคลให้ได้จำนวนมากกว่า 10,000,000 เส้นต่อปี โดยคิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งได้ลงทุนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 6,500 ล้านบาท และเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท สำหรับใช้ขยายโรงงานในเฟสที่ 3 ที่เป็นส่วนของบริษัท สวิซซ์-วัน คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานแห่งที่ 4 ของกลุ่มบริษัท ดีสโตน ให้สามารถขยายกำลังการผลิตได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดที่มียอดสั่งซื้อเข้ามาแล้วในปัจจุบัน โดยเป็นการผลิตเพื่อส่งออกไปมากกว่า 115 ประเทศทั่วโลก จำนวนมากกว่า 80% ของสินค้าทั้งหมด

ปัจจุบันกลุ่มบริษัท ดีสโตน ได้มีการจัดตั้งโรงงานทั้งหมด 5 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท ดีสโตน จำกัด บริษัท ดีรับเบอร์ จำกัด บริษัท ดีสโตน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท สยามทรัค เรเดียล จำกัด และบริษัท สวิซซ์-วัน คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวนเจ้าหน้าที่มากกว่า 10,000 คน มีกำลังการผลิต 7,000,000 เส้นต่อปี ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะสามารถทำให้เพิ่มกำลังการผลิตได้ 10,000,000 เส้นต่อปี

"เราเชื่อมั่นถึงความต้องการที่ได้รับการตอบรับจากทั่วโลก ทำให้เราตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตสู่เป้าหมาย
ดังกล่าว นับเป็นความร่วมมือและการสนับสนุนทางการเงินของธนาคารกรุงเทพที่มีให้กับกลุ่มบริษัทดีสโตน ซึ่งจะทำให้เราบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้อย่างแน่นอน" นายสุวิทย์กล่าว

ที่มา:http://www.bangkokbank.com/BangkokBankThai/AboutBangkokBank/AboutUs/MediaRoom/2015/April/Pages/PressRelease20Apr2015.aspx
ธนาคารกรุงเทพ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2558 จำนวน 9,407 ล้านบาท
21 เมษายน 2558

ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9


ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2558 จำนวน 9,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 442 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.9 จากไตรมาส 1 ปี 2557 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 168 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.2
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 2,142 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.7 และค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 964 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.2

ในไตรมาส 1 ปี 2558 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าโดยเฉพาะจีน ประกอบกับการลงทุนในภาคเอกชนขยายตัวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากรอความชัดเจนของมาตรการเศรษฐกิจและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ขณะเดียวกันการบริโภคของภาคเอกชนยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อ ประกอบกับการที่สถาบันการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,774,253 ล้านบาท ลดลง 7,980 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.4 จากสิ้นเดือนธันวาคม 2557

ด้านคุณภาพสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 ธนาคารมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 47,473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,427 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2557 อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ร้อยละ 2.2 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.1 ณ สิ้นปี 2557 เนื่องจากลูกค้าบางรายได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 1 นี้ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 2,980 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 189.9 และมีอัตราส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่ร้อยละ 5.1

ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 2,117,969 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2558 เพิ่มขึ้น 59,190 ล้านบาท หรือ
ร้อยละ 2.9 จากสิ้นปี 2557 และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากลดลงจากร้อยละ 86.6 ณ สิ้นปีก่อน เป็นร้อยละ 83.8

ในไตรมาส 1 ปี 2558 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 14,235 ล้านบาท และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.18 ลดลงจากร้อยละ 2.32 ในไตรมาส 4 ปี 2557 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากต้นทุนและปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนสินเชื่อและปริมาณสินเชื่อ และอัตราผลตอบแทนจาก
การลงทุนในเงินลงทุนและรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินลดลง

ธนาคารมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจำนวน 10,813 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,142 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.7 จาก
ไตรมาส 1 ปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 1,188 ล้านบาท หรือร้อยละ 22.8 โดยรายได้ที่เติบโตสูงมาจากค่าธรรมเนียมจากการรับประกันการจัดจำหน่ายตราสารทางการเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ และการให้บริการสินเชื่อ

ธนาคารมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจำนวน 10,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 964 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.2 จากไตรมาส 1 ปีก่อน ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ธนาคารมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานเท่ากับไตรมาส 1 ปีก่อนที่ร้อยละ 41.4

ด้านเงินกองทุน หากนับรวมกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2557 และกำไรสุทธิใน
ไตรมาส 1 ปี 2558 เข้าเป็นเงินกองทุน หักด้วยเงินปันผลที่จะจ่ายในเดือนพฤษภาคม 2558 อัตราส่วนเงิน
กองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 18.3 ร้อยละ 16.2 และร้อยละ 16.2 ตามลำดับ

ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2558 มีจำนวน 333,829 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.8 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 174.89 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 5.42 บาท จากสิ้นปี 2557

ที่มา:http://www.bangkokbank.com/BangkokBankThai/AboutBangkokBank/AboutUs/MediaRoom/2015/April/Pages/PressRelease21Apr2015.aspx